เวตาล
เรื่องย่อนิทานเวตาล ๑๐ เรื่อง
นิทานย่อยที่ผู้ประพันธ์กำหนดให้เวตาลตัวละครสำคัญในนิทานเรื่องใหญ่เป็นผู้เล่า มีทั้งหมด ๒๕ เรื่อง กรมหมื่นพิทยาลงกรณทรงเลือกมาแปล ๑๐ เรื่อง
มีเรื่องย่อดังนี้
นิทานเรื่องที่ ๑
พระวัชรมุกุฎโอรสของพระราชาแห่งกรุงพาราณสีทรงม้าเสด็จออกเที่ยวล่าเนื้อในป่าพร้อมด้วยพุทธิศริระพระสหาย พบนางปัทมาวดีธิดาท้าวทันตวัตเกิดความพอพระทัย นางปัทมาวดีกระทำกิริยาบอกโดยนัยให้ทรงทราบเรื่องเกี่ยวกับนาง พุทธิศริระช่วยพระมุกุฎตีความและดำเนินการจนพระวัชรมุกุฎได้นางเป็นชายาลับๆ พระวัชรมุกุฎด้อยปัญญากว่านางจึงต้องพึ่งพุทธิศริระอยู่ตลอดเวลา นางปัทมาวดีออกอุบายฆ่าพุทธิศริระ แต่พุทธิศริระรู้ทันจึงซ้อนอุบายจนนางถูกพระบิดาขับไล่ออกจากเมือง เวตาลถามพระวิกรมาทิตย์ว่าเรื่องนี้ควรติโทษใครมากที่สุด พระวิกรมาทิตย์ตรัสตอบเวตาลหัวเราะแล้วก็บินกลับไปอยู่ที่เดิม
นิทานเรื่องที่ ๒
พระรามเสน พระราชบุตรของพระราชาธิบดีแห่งเมืองโภคาวดี ทรงมีนกแก้วตัวหนึ่งชื่อจุรามัน นกตัวนี้พูดภาษาสันสกฆตคล่องและเฉลียวฉลาด ฝ่ายนางจันทราวดี ธิดาท้าวมคเธศวรแห่งเมืองมคธ มีนกขุนทองชื่อว่า โสมิกา พูดสันสกฤตคล่องและมีความรู้มากเช่นกัน ทั้งสองได้อภิเษกสมรสกันแล้วไปอยู่ ณ
เมืองโภคาวดี นางจันทราวดีได้นำนกขุนทองไปด้วย พระรามเสนโปรดให้ปล่อยนกทั้งสองตัวรวมกรงใหญ่กรงเดียวกัน นกทั้งคู่ทะเลาะกัน ถกเถียงด้วยเรื่องหยิงและชายว่าใครชั่วกว่ากัน นกแต่ละตัวได้เล่านิทานประกอบเหตุผลของตน แต่ก็ไม่สามารถัดสินใจได้ เวตาลจึงทูลถามพระวิกรมาทิตย์ให้ทรงตัดสิน พระองคืตรัสตอบ เวตาลจึงลอยออกจากย่ามกลับไปอยู่ที่เดิม
นิทานเรื่องที่ ๓
ท้าวรูปเสนพระราชาแห่งเมืองโศภาสดี มีข้าใช้ใกล้ชิดชื่อ สุรเสน สุรเสนได้พาวีรพลผู้ซึ่งมีความชำนาญการรบและซื่อสัตย์เข้าเฝ้าพระราชา พระราชาทรงอนุญาตให้วีรพลรับข้าราชการอารักขาและรับใช้ใกล้ชิด วันหนึ่งนางราชลักษมี
นางฟ้าผู้เกิดจากเกษียรสมุทร ได้สำแดงตัวต่อวีรพลและทำนายว่าท้าวรูปเสนจะสิ้นพระชนม์ แต่วีรพลสามารถช่วยได้โดยตัดศีรษะบุตรของตนบูชาพระเทวะรูปซึ่งประจำอยู่ที่สาลแห่งหนึ่งวีรพลได้ปฎิบัติตามคำทำนาย แล้วทุกคนในครอบครัวก็ฆ่าตัวตายตามกัน พระราชาได้แอบทอดพระเนตรอยู่เห็นดังนั้นก็คว้าดาบขึ้นมาจะประหารพระองค์เอง แต่เทวรูปพระเทวียึดพระหัตถ์ไว้และให้ขอพรตามประสงค์ ท้าวรูปเสนได้ขอชีวิตให้ทุกคนคืนชีวิต แล้วทุกคนก็ฟื้นคืนชีวิตดังเดิม เวตาลทูลถามพระวิกรมาทิตย์ว่าใครโง่ที่สุด พระองคืตรัสตอบ เวตาลจึงลอยออกจากย่ามกลับไปที่เดิม
นิทานเวตาลเรื่องที่
๔
หิรัณยทัตต์พ่อค้ามีบุตรีงามชื่อนางมันทนเสนา เมื่อถึงอายุอันควร บิดามารดาก็ตรึกตรองเรื่องการวิวาห์ ได้มีชาย ๔
คน จากเมือง ๔ เมืองมาขอนางมัทนเสนาเป็นภรรยา พ่อค้าจึงให้ชายทั้ง ๔ แสดงความสามารถ ความรู้ แล้วจึงตัดสินใจเลือกชายคนที่ ๓
เพราะอยู่วรรณะเดียวกัน ในระหว่างที่เตรียมการวิวาห์นั้น นางมัทนเสนาได้พบกับโสมทัตต์บุตรพ่อค้าชื่อ
ธรรมทัตต์ โสมทัตต์หลงรักนางจนอยากฆ่าตัวตาย นางจึงให้สัญญาว่า ในวันวิวาห์นางจะไปหาโสมทัตต์ก่อนแล้วจึงจะย้อนกลับไปหาสามี ครั้นวันวิวาห์และส่งตัว นางได้เล่าให้สามีฟัง สามีอนุญาตให้นางไปหาโสมทัตต์ได้ ระหว่างทางนางได้พบโจรจึงได้ขอร้องโจรมิให้เอาเครื่องประดับไป โดยสัญญาว่าจะนำมาให้เมื่อกลับจากหาโสมทัตต์ แต่เมื่อไปถึง โสมทัตต์สิ้นรักนางเพราะทราบว่านางมีสามีแล้ว นางมัทนเสนาจึงเดินทางกลับและนำเครื่องประดับมาให้โจร โจรไม่รับแต่กลับชมนาง เมื่อนางกลับถึงบ้านสามีได้สิ้นรักนางแล้ว เวตาลทูลถามพระวิกรมาทิตย์ว่าชายทั้ง ๓ คนนี้ใครดีที่สุด พระวิกรมาทิตย์เผลอตรัสตอบ เวตาลก็ลอยออกจากย่ามตามเคย
นิทานเวตาลเรื่องที่ ๕
ที่เมืองมาลยะมีโจรขโมยชุกชุม
ประชาชนเดือดร้อนจึงเข้าไปเฝ้าพระราชารันธีระ
พระราชาทรงรับว่าจะจัดการให้สิ้นความเดือดร้อนโดยได้ปลอมพระองค์เป็นโจรในเวลากลางคืน
ได้รู้จักหัวหน้าโจรและโจรอีกมากมาย
ทรงกำหนดไว้ว่าจะมากวาดล้างในภายหลังแล้วเสด็จหนีกลับวัง ในคืนถัดไปพระราชาเสด็จออกจับโจร
ทรงจับนายโจรและกำหนดประหารชีวิต ขณะที่ขบวนประหารผ่านไปทางบ้านเศรษฐี
ลูกสาวเศรษฐีชื่อนางโศภนีเห็นนายโจรเข้าก็หลงรักจึงให้บิดาไปขอไถ่โทษนายโจร
แต่ไม่สำเร็จ ก่อนประหารมีผู้เล่าเรื่องนางโศภนีให้นายโจรฟัง
นายโจรก็ร้องไห้อย่างเศร้าโศกและหัวเราะอย่างร่าเริงสลับกันไป
เมื่อนายโจรถูกประหารแล้ว นางโศภนีได้เผาตัวเองตายตาม
บิดาก็ฆ่าตัวตายตามบุตรี เวตาลเล่ามาถึงเพียงนี้
พระธรรมธวัชพระโอรสของพระวิกรมาทิตย์ที่ตามเสด็จมาด้วย
ทูลถามพระบิดาว่านายโจรหัวเราะเพราะเหตุใด เมื่อพระวิกรมาทิตยืตรัสตอบ
เวตาลได้ทีก็กล่าวขอบคุณ แล้วอธิบายข้อสงสัยแก่พระธรรมธวัชก่อนจากไป
นิทานเวตาลเรื่องที่ ๖
ที่กรุงธรรมสถล
พราหมณ์เกศวะเดิมมีนิสัยพาลแต่กลับตัวได้ เกศวะมีบุตรีชื่อ มธุมาลตี
เป็นหญิงงาม เกศวะ ภรรยา และบุตรชาย ซึ่งเป็นพี่ของนางมธุมาลตี
ต่างตกลงยกนางให้แก่ชายหนุ่มแต่ละคนที่ตนพอใจ
เมื่อไม่ทราบว่าจะต้องตัดสินใจยกนางให้แก่ชายคนใดดี
เกศวะจึงให้ชายหนุ่มทั้งสามมาประชันความรู้กัน
ขณะที่เกศวะยังลังเลไม่สามารถตัดสินใจได้นั้น
พอดีมีงูพิษมาฉกนางมธุมาลตีตาย เมื่อเกศวะเผาศพลูกสาวแล้ว
ชายหนุ่มทั้งสามตกลงใจจะเที่ยวดั้นด้นต่อไป ชายคนที่ ๑
จึงเก็บเอาห่อกระดูกนางเรียงเข้าใส่ห่อ ชายคนที่ ๒
กวาดเอาเถ้าถ่านที่เผาศพนางรวมเข้าเป็นห่อ ชายคนที่ ๓
บวชเป็นโยคี ทั้งสามคนได้เที่ยวไปตามทางของตน ชายคนที่ ๓
ไปได้วิชาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้น ทั้งสามคนได้กลับมาพบกัน ณ ป่าช้าที่เผาศพนาง
แล้วทำพิธีชุบชีวิตนางจากกระดูกและเถ้าถ่านที่ชายคนที่ ๑ และ ๒ รักษาไว้
เมื่อนางฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็เกิดปัญหาอีกว่านางควรจะได้วิวาหะกับชายคนใด
เวตาลจึงทูลให้พระวิกรมาทิตย์ตัดสิน แต่เมื่อทรงตัดสินแล้ว
เวตาลก็หัวเราะก้องฟ้าลอยไปแขวนอยู่ที่ต้นอโศกเช่นเคย
นิทานเวตาลเรื่องที่
๗
นางจันทร์ประภาพระธิดาท้าวสุพิจารแห่งเมืองกุสุมาวดีเกิดความรักใคร่กับมนัสวีหนุ่มบุตรพราหมณ์ทันทีที่ได้สบตากัน ทั้งสองทนพิษความรักไม่ไหว ได้สลบไป มนัสวีได้สลบอยู่นานจนมีพราหมณ์ผู้มีวิชาสองคน คือ ศศีและมูลเทวะมาพบเข้า มูลเทวะตกลงช่วยมนัสวีและพามายังบ้านตนแล้วให้ลูกอมแก่มนัสวี เมื่ออมอยู่ในปากจะกลายเป็นหญิงสาว เมื่อคายออกจะกลายเป็นหนุ่มดังเดิม ส่วนมูลเทวะอมอีกลูกหนึ่งให้กลายเป็นพราหมณ์แก่แล้วพามนัสวีเข้าวังไปขอฝากไว้กับท้าวสุพิจารโดยทูลว่าเป็นภรรยาของบุตรตน ท้าวสุพิจารโปรดให้มนัสวีอยู่กับพระธิดา ทั้งสองจึงได้อยู่ร่วมกัน วันหนึ่งมนัสวีได้ตามเสด็จท้าวสุพิจารไปบ้านมหาอำมาตย์ บุตรโกษาธิยดีได้พบก็หลงรักจึงให้บิดาไปทูลขอมนัสวีจากพระราชา มนัสวีจึงต้องไปอยู่บ้านโกษาธิบดี วันหนึ่งอมลูกอมพลาดลื่นลงไปในลำคอไม่สามารถแปลงเป็นหญิงได้จึงหลบหนีไป ศศีทราบดังนั้นจึงออกอุบายที่จะได้พระธิดามาเป็นภรรยา มูลเทวะจึงให้ศศีอมลูอมกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มแล้วพาเข้าวัง มูลเทวะทูลพระราชาว่าบุตรชายได้กลับมาแล้วจะขอรับภรรยาคืน พระราชาจำต้องยกพระธิดาให้แก่ศศีตามคำขู่ของมูลเทวะ เมื่อมนัสวีทราบจึงตามไปขอพระธิดาจาดศศีคืนโดยอ้างว่าเป็นภรรยาตน เวตาลแสดงความเห็นว่าแม้จะไม่มีใครเป็นพยานให้มนัสวีแต่คนก็คงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง พระวิกรมาทิตย์ไม่โปรดเช่นนั้นจึงทรงแสดงความเห็นคัดค้าน เวตาลจึงได้โอกาสกลับไปยังต้นอโศกอีกครั้งหนึ่ง
นิทานเรื่องที่ ๘
พระยศเกตุราชาแห่งแคว้นองคะ
สดับเรื่องนางทิพย์ที่ทีรฆะทรรศินผู้เป็นมุขมนตรีเล่าถวาย
มีพระหฤทัยใคร่ได้นางมาเป็นชายา
จึงแต่งพระองค์เป็นดาบสออกเดินทางไปพบลักษมีทัตต์พ่อค้าแล้วเสด็จลงเรือไปด้วย
ได้พบนางทิพย์นั่งดีดพิณและขับลำนำบนต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งมีกิ่งก้านเป็นทองคำ
โผล่ขึ้นมาเหนือคลื่นน้ำแห่งท้องทะเลแล้วหายไปโดยเร็วดังคำบอกเล่า
จึงตั้งใจอธิฐานต่อพระสมุทร
ขอให้สมหวังในความรักแล้วทรงโจมลงน้ำได้ทอดพระเนตรเห็นเมืองอันวิจิตรและนางทิพย์ในเมืองนั้น
จึงได้มีความสุขอยู่ร่วมกัน
วันหนึ่งพระยศเกตุได้แอบทอดพระเนตรเห็นรากษสจับนางทิพย์กลืนกินจึงชักพระแสงดาบฟันรากษสคอขาด
ก็เห็นนางออกมาจากกายรากษสโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
จึงตรัสถามนางว่าเพราะเหตุใด คำถามนั้นเองทำให้นางพ้นคำสาปและระลึกชาติได้
นางทูลเล่าว่านางเป็นธิดาของเมืองนี้
ถูกบิดาสาปแล้วพระบิดาได้หนีไปอยู่เขานิษธในโลกมนุษย์
เมื่อนางพ้นคำสาปนางจะต้องรีบไปเฝ้าพระบิดาแต่พระยศเกตุทรงขอให้นางอยู่ต่ออีก ๗
วัน ครั้นถึงวันที่ ๗
ก็ตรัสชวนนางเข้าไปในห้องที่มีอ่างแก้วอันเป็นประตูสู่โลกมนุษย์
แล้วทรงกอดนางพาโจมลงอ่างไปผุดขึ้นในสระอุทยานแคว้นองคะ
เมื่ออยู่ในโลกมนุษย์พ้น ๗ วัน
นางจะกลับคืนสู่พวกตนก็เหาะไม่ขึ้นจึงต้องอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไป
ฝ่ายทีรฆะทรรศินเมื่อทราบเรื่องก็เฝ้าแต่ตรึกตรองเรื่องนี้จนดับชีวิตไปด้วยความเสียใจ
เล่าจบเวตาลทูลถามว่าทีรฆะทรรศินเสียใจตายเพราะเหตุใด
พร้อมทั้งเสนอความคิดเห็น พระวิกรมาทิตย์ทรงคัดค้าน
เวตาลก็ลอยกลับไปอยู่ที่ต้นอโศกตามเดิม
นิทานเรื่องที่ ๙
นางมุกดาวลี
บุตรพราหมณ์หริทาส มีความงามเลื่องลือไปทุกทิศ
มีชายหลงรักมากมาย ได้มีชายสี่คนมาขอไปเป็นภรรยา ทริทาสจึงมาแสดงความรู้ประชัน
คนที่ ๑ และ ๒ ไม่เป็นที่พอใจจึงเชิญกลับึ
คนที่ ๓ คุณากร และคนที่ ๔ รัตนทัตต์
ให้มาประชันกันใหม่ แล้วพราหมณ์หริทาสก็ตัดสินใจยกนางให้รัตรทัตต์ มาหเสนีชายคนที่
๑ ทราบเรื่อง ก็มาพาลพูดว่าหากไม่ได้นางเป็นภรรยาจะฆ่าตัวตาย
รัตนทัตต์จึงประชดบอกให้ทำตามที่พูด
มหาเสนีจึงฆ่าตัวตายแล้วเป็นรากษสมาพานางไปไว้ที่ยอดเขาหิมาลัย
รัตนทัตต์ขอให้คุณากรช่วย ทั้งสองตามนางกลับมาได้
แล้วพานางไปอยู่ที่บ้านของรัตนทัตต์ คุณากรสัณณาว่าจะไม่ทิ้งเพื่อนจึงติดตามไปด้วย
ระหว่างทาง คืนหนึ่งนางมุกดาวลีฝันร้ายจึงเล่าให้สามีฟัง
รัตนทัตต์ทำนายว่าจะเกิดเหตุร้าย
จึงหยิบด้ายออกมาเส้นหนึ่งตัดออกเป็นสามเส้น แจกกันคนละเส้น
อธิบายว่าถ้าเกิดเหตุเป็นภัยแก่ร่างกายให้ผูกเชือกเข้าไปที่แผลก็จะหาย
แล้วสอนมนต์ชุบคนตายให้คืนชีพแก่ภรรยาและเพื่อน ไม่นานทั้งสามก็พบพวกกิราตะ
เกิดสู้รบกัน รัตนทตต์และคุณากรถูกคัดศรีษะขาด
นางมุกดาวลีเมื่อได้สติแล้วได้นำศรีษะกับตัวของชายทั้งสองมาติดต่อกันแล้วทำพิธีชุบชีวิต
แต่ด้วยนางมีความตื่นตระหนกอยู่จึงทำให้ต่อตัวกับศรีษะของชายทั้งสองสลับกัน
เมื่อชุบชีวิตแล้วฟื้นแล้วจึงเกิดปัญหาโต้เถียงกัน
ไม่อาจตัดสินได้ว่านางเป็นภรรยาของใคร
พระธรรมธวัชทรงนึกขันจึงทรงพระสรวลขึ้น
พระวิกรมาทิตย์ไม่สู้พอพระทันักจึงทรงอธิบายแพระโอรสเวตาลแสดงความเห็นโต้แย้ง
แล้วก็กลับไปอยู่ที่ตันอโศก
นิทานเรื่องที่ ๑๐
ท้าวมหาพล พระราชาแห่งกรุงธรรมปุระมีมเหสีที่ยังดูสาว เทียบกับพระธิดาแล้วก็ราวพี่น้อง เมื่อเกิดสงครามท้าวมหาพลได้พานางทั้งสองหนีไป ผ่านหมู่บ้านภิลล์ซึ่งเป็นหมู่บ้านโจร เกิดการต่อสู้กัน ท้าวมหาพลสิ้นพระชนม์ นางทั้งสองหนีไปได้ ฝ่ายพระราชาจันทรเสรกับพระราชบุตรทรงม้าล่าสัตว์ไปตามแนวป่า ทอดพระเนตรเห็นรอยเท้าสตรีสองคนจึงทรงตกลงกันว่าพระราชาเลือกนางผู้มีรอยเท้าใหญ่ พระราชบุตรจะเลือกนางผู้มีรอยเท้าเล็กมาเป็นชายา ครั้งเสด็จไปพบพระมเหสีและพระธิดาแห่งท้าวมหาพลแล้วจึงทรงรับนางทั้งสองไปอภิเษก ปรากฎว่าพระราชาจัทรเสนอภิเษกกับพระธิดา และพระราชบุตรอภิเษกกับพระมเหสีแห่งท้าวมหาพล เล่าถึงเพียงนี้ เวตาลก็ตั้งปัญหาว่าบุตรธิดาที่เกิดแต่คู่อภิเษกทั้งสองคู่นี้จะนับญาติกันอย่างไร พระวิกรมาทิตย์ทรงตรึกตรองแต่ก็ไม่ทรงตอบประการใด ในที่สุดก็เสด็จนำเวตาลถึงป่าช้า ณ บริเวณประกอบพิธีของโยศีศานติศีล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น